เมื่อพูดกันถึงเรื่องอ่านหนังสือ เราก็มักได้ยินกันว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดต่อปี ฟังดูแล้วช่างเป็นประโยคที่ทำเอาสะดุ้งและตั้งข้อสงสัยกันยกใหญ่ว่าจริงไหม แต่จะจริงหรือไม่ก็ทำให้ใครหลายคนย้อนกลับมาดูตัวเองเช่นกันว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มคนในค่าเฉลี่ยนั้นหรือเปล่า บางคนชอบอ่านเป็นนิสัย หลายคนก็ตกใจว่าตนเองไม่ค่อยอ่านอะไรเท่าไหร่เลยก็มี แต่นั่นไม่ใช่กับกลุ่มนักเรียนแน่นอน เพราะต่อให้ไม่ชอบการอ่านสักแค่ไหนก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดีกับตำราเรียนที่ต้องอ่านเนื้อหาเสมอ
แต่ก็อีกนั่นแหละปัญหาเรื่องการอ่านก็ย่อมมีตามมาอีกเช่นกันโดยเฉพาะกับช่วงสอบ ไม่ว่าจะสอบปลายภาค กลางภาค หรือสอบเก็บคะแนนทั่วไป เนื้อหาของหนังสือที่เกือบจะไม่มีอยู่ในหัวเพื่อใช้สอบเป็นเรื่องที่ทำให้นักเรียนจำนวนมากพลาดกับคะแนนที่ควรจะได้มานักต่อนักแล้ว เพราะไม่สามารถทนอ่านหนังสือได้นาน ๆ และอ่านเท่าไหร่ก็จำไม่ได้สักที วันนี้เรามีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อยมาให้ลองนำไปใช้แก้ปัญหากันดู !
กำหนดจำนวนหน้า ดีกว่าจำนวนชั่วโมง
ช่วงเวลาในการอ่านหนังสือไม่ว่าจะช่วงก่อนนอน หรือในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ก็ตาม นักเรียนหลายคนมักใช้วิธีกำหนดตารางเวลาไว้ว่ากี่โมงจะอ่านหนังสือโดยในแต่ละครั้งก็จะกำหนดเวลาเอาไว้ว่าจะใช้เวลาอ่านกี่นาทีกี่ชั่วโมงใช่หรือไม่ เคยสังเกตกันไหมว่ามักจะอ่านได้ไม่ถึงกำหนดเวลาที่วางไว้ก็เลิกอ่านแล้ว นอนบ้างล่ะ เล่นโทรศัพท์บางล่ะ เพราะเราจะเริ่มท้ออยู่ในใจในเวลาที่มากไป หรือบางครั้งอ่านจนครบเวลาก็จริงแต่ก็จำไม่ค่อยได้เพราะมัวแต่กังวลเรื่องเวลาอาจอยากให้หมดเร็ว ๆ บ้าง หรือเดินไปอย่างช้า ๆ บ้าง วอกแวกบ่อยก็มี อยากให้ลองเปลี่ยนจากกำหนดเวลามาเป็นกำหนดจำนวนหน้าของแต่ละวิชาดู อาจไม่ต้องเยอะมากในแต่ละวัน สัก 10 – 15 หน้า ต่อวิชา แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในภายหลัง วิธีนี้เราจะไม่กังวลเรื่องเวลา รู้สึกอยากจะเก็บรายละเอียดเนื้อหามากขึ้น
สงสัย ตั้งคำถาม ใส่ความคิดเห็น เพื่อสร้างการจดจำ
ต่อให้เราอ่านจนหมดเล่มหรือมากกว่า 1 รอบ แต่โอกาสจำได้ก็น้อยมากหากขาดสมาธิขณะอ่าน แต่ที่มากกว่าการมีสมาธิคืออย่าแค่อ่านผ่าน ๆ ให้หมด ๆ เวลาหรือหมดบทไปแค่นั้น เพราะมันก็ไม่ต่างจากการที่เราได้ฟังครูสอนอยู่หน้ากระดานนั่นแหละที่ตามองหูได้ยินแต่ไม่ตั้งใจฟังจริง ๆ ไม่พยายามทำความเข้าใจ เนื้อหาต่าง ๆ มันก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่ดี การอ่านหนังสือก็เช่นเดียวกัน เวลาอ่านให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเนื้อหา และที่สำคัญให้สงสัยในเนื้อหาที่อ่านด้วย ตั้งถามไว้ในใจ และใส่ความคิดเห็นของตนเองเข้าไป อาจเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืออะไรก็แล้วแต่ ให้พยายามทำให้ได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะกับเนื้อหาที่สำคัญ เป็นหัวข้อหลัก วิธีนี้จะช่วยสร้างการจดจำเนื้อหานั้น ๆ ได้ดีขึ้น เพราะเราจะหวนนึกถึงความสงสัย ข้อคิดเห็นของเรานั่นเอง
ทั้ง 2 วิธีถือเป็นเคล็ดลับและเทคนิคที่นักเรียนสามารถนำไปปรับใช้กับการอ่านหนังสือของตนเองกันได้ง่าย ๆ สามารถทำได้ทันทีและไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ถ้าพร้อมแล้วไปลุยอ่านหนังสือกันเลย !